ใบไม้ร่วงกระซิบเรียกหา ตอนที่ 2

หนังตาผมสปริงตัวเปิดอย่างเร็วเมื่อหูผมได้ยืนเสียงนกฮูกร้องคึ่กๆ คึ่กๆ กรู กรู เสียงนกแร้งขยับปีกพั่บๆอยู่เหนือเต้นท์ที่ผมนอน ผมกะว่าไม่น่าจะต่ำกว่าสิบตัว คุณเชื่อเรื่องสัมผัสแห่งพระเจ้ามั๊ยครับ ผมรู้สึกเหมือนพระจิตมาเตือนให้ผมตื่นขึ้น แล้วรีบถอนเต้นท์ เผ่นไปจากที่นี่ทันทีให้ไกลที่สุด ผมรู้สึกงัวเงียยันกายลุกโซเซเพราะความอ่อนเพลีย ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงนกแร้งเป็นร้อยพากันบินมาขย่มกิ่งไม้ด้านบน เสียงใบไม้ร่วงกราว ผมรวบรวมความกล้าคว้าไฟฉาย เปิดเต็นท์ออกมาดูด้านนอก ผมกราดไฟฉายขึ้นไปบนกิ่งไม้ที่มาของเสียง..... ไม่ ไม่พบสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่ชีวิตเดียว แต่นั่น! มีนกแร้งถูกจับผูกเชือกห้อยหัวลงมาตายเลือดหยดแหมะๆลงมาบนตัวผม

โอ ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมวิ่งๆๆหนีไม่คิดชีวิต วิ่งๆๆๆๆๆๆๆๆๆจนเหนื่อยหอบ ผมหยุดยืนเซ่ออยู่กลางป่าในตอนกลางดึก ผมจะวิ่งไปไหน ผมถามตัวเอง ผมหันหลังมองย้อนกลับไปทางเดิม ผมไม่เห็นทางเดิมเสียแล้ว มันมืด ผมหลงป่าอยู่คนเดียว! ผมอยากจะร้องไห้ออกมาดัง ในลำคอผมตื้นตันไปหมด แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาล้อเล่น ผมกล้ำกลืนความรู้สึกผิดที่หนีเข้าป่ามา ผมเหนื่อย หวาดกลัว ผมเริ่มได้คิดว่า ความจริงที่ผมเป็นทุกข์ในเรื่องที่ทำงานมันช่างน้อยนิด เมื่อเทียบกับชีวิตและสถานการณ์ในขณะนี้ ผมอาจจะถูกสัตว์ร้ายฆ่ากิน หรือไม่ก็เจอฆาตกรใจโหดแบบในหนัง โอย แต่เอ๊ะ ที่ข้อมือผมคาดนาฬิกาที่สามารถรับส่งสัญญานดาวเทียมได้นี่นา ผมใช้สัญญานนี้นำทางได้ ทำไมผมลืมนึกถึงไปได้นะ ต่อให้ผมหลงป่าจริงๆ ผมก็จะสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทันทีในจุดที่ผมอยู่ แต่แล้วผมก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอีก กว่าหน่วยช่วยเหลือจะจับสัญญานผมได้ แล้วส่งความช่วยเหลือมา ผมมิถูกฆ่าตายไปแล้วดอกหรือ? ผมฉายไฟที่หน้าปัดนาฬิกา แล้วเดินกลับตามที่เข็มทิศที่ชี้ทางให้ ผมก้มหน้าก้มตาเดินสาวเท้าเดินเร็วๆอย่างมั่งคง คิดว่าจะรีบเดินกลับไปให้ถึงเต๊นท์ที่พักให้เร็วที่สุด แสงจันทร์ส่องทางมองริบหรี่ ทุกสิ่งรอบตัวเงียบสงัด แต่แล้วเสียงจักจั่นเรไรก็พากันร้องระเบ็งเซ็งแซ่ขึ้นมาพร้อมๆกันจนหูผมอึ้อ ผมเดินแทบจะวิ่งด้วยอยากจะให้พ้นจากที่นี่ซะไวๆ จมูกผมได้กลิ่นเหม็นเน่าปนกลิ่นสาบสาง แล้วจักจั่นก็พร้อมใจกันหยุดร้อง ผมเริ่มวิ่งอีก วิ่งๆๆๆๆจนเท้าผมสดุดกับสิ่งหนึ่งจนล้มลง

แสงจันทร์ส่องสว่างด้วยขณะนี้เมฆดำเริ่มคลื่อนตัวออกไป ทำให้ผมเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าผมได้ถนัด คุณพระช่วย! ผมสดุดเอากับซากศพที่แข็งเกร็ง ดวงตาลึกโบ๋ ริมฝีปากเหมือนกับแสยะยิงฟันแยกเขี้ยวใส่ผม ผมตกตะลึงจังงังดวงตาลุกโพลง ร้องออกมาสุดเสียง จากนั้นก็ใช้มือยันร่างลุกขึ้นกึ่งวิ่งกึ่งคลาน ไฟฉายตกลงพื้นหาย ผมวิ่งหนีต่อไปอีก รู้สึกลำคอแห้งผาก เหมือนวันคืนจะไม่ยอมจบลงเลย ผมผ่อนฝีเท้าลง จากวิ่งเปลี่ยนเป็นเดินโซเซสะเปะสะปะ ทันใดนั้นผมก็รู้สึกว่าข้อเท้าสดุดเชือกที่ขึงอยู่ใต้ต้นไม้เส้นนึงแล้วผมก็ล้มลงอีกครั้ง

ผมเดินไปสดุดกับดักสัตว์เข้าแล้ว มันประกบปิดข้อเท้าผมแน่นหนา ในวงแหวนนั้นมีหนามกันผมดิ้นหลุด มันข่วนข้อเท้าผมจนเลือดไหลริน ความเจ็บปวดแผ่นซ่านไปทั้งขา ผมเจ็บปวดบาดแผลจนหัวใจผมเต้นสั่นระริก ผมคงต้องตายแน่คราวนี้ อย่างน้อยก็เพราะเชื้อบาดทะยัด ผมใช้มือกระชากดึงมันให้ออก แต่เหล็กหนาที่เกรอะกรังไปด้วยสนิมไม่ขยับเขยื้น ปากก็ร้องให้คนช่วยจนเสียงก้องป่าสะท้อนกลับมา จากตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่งจนกลายเป็นร้องไห้ และนั่งซึมอย่างสิ้นหวังอ่อนเพลีย แล้วผมก็ล้มตัวลงนอนหลับไปตรงนั้น

ผมรู้สึกตัวด้วยความเย็นจากหยดน้ำที่หยดลงบนใบหน้าของผม ผมค่อยๆเผยอเปือกตาขึ้น สายตาผมเห็นร่างสีดำไม่ใหญ่นักเบื้องหน้ากำลังยกใบไม้ที่ใส่น้ำเทลงมา ร่างนั้นส่งเสียงร้องดีใจกระโดดโลดเต้นร้องเจี๊ยกจ๊าก ผมร้องทักทายเจ้าจ๋อแสนรู้เพื่อนใหม่ของผมทันทีอย่างดีใจ เฮ๊ หวัดดี ผมทำท่าทางภาษาใบ้ขอน้ำอีก เจ้าจ๋อก็วิ่งสี่ขาหนีหายเข้าป่าไป ผมขยับตัวลุกขึ้น จิตใจผมก็หดหู่ลงอีกเมื่อเห็นข้อเท้ายังติดกับดักอยู่ พักใหญ่เจ้าจ๋อก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมน้ำใส่เปือกลูกมะพร้าวมาให้ผม น้ำหยดมาเป็นทาง ผมกล่าวขอบใจ พลันรีบรับมาดื่มด้วยความหิวกระหายทันที

ผมวางเปลือกมะพร้าว ก้มลงสะละวนดูกับดักที่เข้าเท้า เจ้าจ๋อเหมือนจะรู้ว่าผมกำลังมีปัญหาอยู่ มันยิงฟันให้ผมส่ายหน้าไปมาแล้วส่งภาษาที่ผมไม่เข้าใจ แล้วเดินค้นหาสิ่งของที่ตกๆอยู่แถวนั้น เจ้าจ๋อได้ไฟฉายของผมที่ทำตกอยู่ มันเปิดกระบอกหยิบถ่านออก แกะเอาเปลือกโลหะออกมา เอามาม้วนๆเอาหินตีให้เป็นเส้นเล็กๆแน่นๆ แล้วม้วนไขลงในรูกุญแจ เป๊าะ เสียงกุญแจดีดออกเบาๆ ผมดีใจมาก หัวเราะออกมาดังลั่น ไม่มีสิ่งไหนที่มีค่ามากไปกว่านี้อีกแล้ว ผมฉวยเจ้าจ๋อน้อยไว้ในอ้อมกอด มันกอดคอผม ผมหัวเราะลั่นทั้งที่น้ำตาไหลพราก รู้สึกปวดแผล

เจ้าจ๋อวิ่งจากผมไปอีกครั้ง ครู่ใหญ่มันกลับมาพร้อมใบพืชชนิดหนึ่งซึ่งผมไม่รู้จัก มันเอาใส่ปากเคี้ยวๆ แล้วโปะลงที่แผลข้อเท้าของผม แล้วก็หยิบใบใหม่ขึ้นมาเคี้ยวๆแล้วก็พอกโปะลงอีก ผมรู้สึกเย็นๆที่แผลจางๆเหมือนโดนพิมเสน มันคลายปวดลงมาก จากนั้นเจ้าจ๋อผู้มีคุณก็หากิ่งไม้มาให้ผมใช้เป็นไม้เท้าค้ำยันเดิน มันจูงมือผมเดินเยื้องไปข้างหน้าเหมือนรู้ว่า ผมต้องการจะไปที่ไหน ไม่นานนักผมก็มาถึงกองฟักทองที่เมื่อวานผมเดินมาดู เป็นฟักทองของเจ้าจ๋อแสนรู้นี่เองทีเก็บมาสะสมไว้กินหน้าหนาว

มันปล่อยมือผม วิ่งไปหยิบฟักทองลูกย่อมๆมาทุ่มโพ๊ละ ฟักทองแตกออกมันหยิบมาส่งให้ผม ผมรับมากินด้วยความรู้สึกหิวโหย ความหวานมันเอร็ดอร่อยในครั้งนั้นผมไม่เคยลืมเลยมาจนบัดนี้

หลังจากกินฟักทองนั่งพักเหนื่อยครู่หนึ่งแล้ว เจ้าจ๋อก็เดินนำทางผมมายังเต้นท์ที่พัก ผมยันร่างกระโพลกกระเพลก เดินเข้าเต็นท์รีบล้างแผลด้วยด้วยแอลกอฮอร์ชุดปฐมพยาบาลที่เตรียมมา จากนั้นก็หยิบกระป๋องคุกกี้ส่งให้เจ้าจ๋อเพื่อนยากของผมทันที มันดีใจแยกเขี้ยวยิงฟันแล้วรับไปเปิดฝานั่งกิน ซักพักมันก็ฉวยข้อมือผมทำท่าเหมือนจะชวนผมไปที่ใดที่นึง ผมค่อยๆเดินตามไปอย่างยากเย็น ผมฉวยซองมันฝรั่งถุงโตไปด้วย เจ้าจ๋อก็ตรงเข้ามาแย่งแล้วโยนทิ้งไปแบบไม่แยแส ผมเดินตามมันไปไกลโข เห็นไร่องุ่นที่ออกผลเป็นพวงโตๆ มันยิงฟันให้ผมอีกแล้วเดินนำหน้าผมไป แล้วปืนขึ้นไปเก็บพวงองุ่นโยนลงมาใต้ต้น ไม่สนใจว่าจะช้ำ ผมรีบรับเป็นพันละวัน เจ้าจ๋อสนุกกับการปาพวงองุ่นให้ผม แยกเขี้ยวขย่มกิ่งจนได้องุ่นกองพูน มันปืนลงมา หาเถาวัลย์มาร้อยเป็นพวงจนได้สองพวงใหญ่

ผมแบกพวง เจ้าจ๋อแบกพวง แล้วมันก็พาผมมายังเต๊นท์ ผมรีบเก็บข้าวของถอนเต็นท์กลับเพราะต้องรีบไปหาหมอรักษาบาดแผลที่ข้อเท้า เจ้าจ๋อกุลีกุกอช่วยผมเก็บของจนเกลี้ยง ผมเปิดประตูรถให้เจ้าจ๋อขึ้นไปนั่งคู่กับผม มันขึ้นไปนั่งกินลมยิงฟันสนุกสนาน ขากลับรู้สึกว่าอะไรๆมันโล่งไปหมด ผมอุ่นใจที่เจ้าจ๋อแสนรู้นั่งมาด้วย ไม่นานนักผมก็ขับรถจิปคู่ใจของลงมาถึงป้ายอันตรายที่เชิงเขาที่เดิม ผมหันไปพูดกับเจ้าจ๋อว่า แกไปอยู่กับชั้นนะ ชั้นมีคุ๊กกี้อร่อยๆ ผลไม้ดีๆให้แกกินทุกวัน

ผมยังพูดไม่ทันขาดคำ เจ้าจ๋อน้อยก็ปืนออกจากหน้าต่างรถไปที่ฝากระโปรงขณะรถแล่น ผมรีบชะลอรถ มันก็โดดลงทันทีแล้ววิ่งหนีเข้าป่าไป ผมจอดรถลงมาหยุดมองมัน มันก็ยืนมองผม ผมโบกมือให้มัน มันก็ยิงฟันส่ายหน้าให้ผมแล้ววิ่งสี่ขาหนีเข้าป่าไป

ผมหันหลังเดินกลับขึ้นรถ แล้วขับรถมู่งหน้าสู่บ้าน ถนนหนทางยังเหลืออีกหลายร้อยไมล์ ไม่รู้ว่าผมจะเจอกับอะไรเข้าอีก แต่ว่าตอนนี้ผมรู้สึกคิดถึงเจ้าจ๋อมาก ลาก่อนเจ้าจ๋อแสนรู้ พลางเอื้อมมือไปเปิดวิทยุฟังเพลงโปรด ในขณะที่รถ แล่นอย่างโดดเดี่ยว....... จบบริบูรณ์

แปะไว้ที่โรสแมรี่เมื่อ 23/06/2005 โดย maczy

    Free Counter